เราสามารถใช้ Hough Transform เพื่อตอบคำถามนี้ได้ ดังนี้
ถ้ามีเส้นตรงใดๆ (สีดำ) ตามรูป ที่มีระยะจากจุด (0,0) ไปตั้งฉากกับเส้นตรงนั้นเท่ากับระยะ r โดยเส้นตั้งฉากนี้ทำมุมกับแกน x เป็นมุม T
เส้นตรงปกติจะมีสมการเป็น y = mx + c
แต่เราสามารถเขียนอยู่ในรูปของ polar coordinate คือ
y = (-1/tan(T)) x + (r/sin(T))
y = -cos(T)/sin(T) x + r/sin(T)
y sin(T) = -x cos(T) + r
หรือ
y sin(T) + x cos(T) = r
โดยทั่วไปแล้ว จะกำหนดค่า T ให้อยู่ในช่วง [0, PI] และค่า r ใน [-D, D] เมื่อ D คือความยาวของเส้นทะแยงมุมของภาพ (ระยะไกลสุดของภาพที่วัดจากจุดกำเนิด)
สมมติว่าเรามีจุดๆหนึ่ง เส้นตรงที่ลากผ่านจุดนี้จะมีได้ไม่จำกัด นั่นคือ จะมีค่า r และ T มากมาย
แต่ถ้ามีจุดสองจุดขึ้นไป เส้นตรงที่ลากผ่านจุดเหล่านี้จะมีได้เส้นเดียว นั่นคือ เส้นที่มีค่า r และ T เท่ากัน
ดังนั้น เมื่อเราคิดใน polar coordinate หลักการหาขอบที่เป็นเส้นตรงด้วย Hough Transform ก็คือ
1. หาขอบของภาพด้วยวิธีิใดๆ เช่น Canny ให้ได้ผลลัพธ์เป็นขาวดำ (ขาว = ขอบ)
2. เริ่มต้นด้วย r=0, T=0 (เส้นตรงที่ทับกับแกน y) ไล่ตรวจสอบว่ามีพิกเซลสีขาว (ขอบ) ที่อยู่บนแนวเส้นตรงนี้เท่าใด ถ้ามีเกินกว่าค่า threshold ที่กำหนด (เช่น 100 จุด) ก็ให้เก็บค่า (r,T) นี้ไว้
3. เปลี่ยนแปลงค่า r ไปเรื่อยๆ ตรวจสอบเช่นเดิม
4. เปลี่ยนแปลงค่า T ไปเรื่อยๆ ตรวจสอบเช่นเดิม
5. สุดท้ายจะได้ชุดของ (r,T) ซึ่งแต่ละคู่จะเป็นค่าของขอบเส้นตรงที่อยู่ในรูป
6. พลอตเส้นตรงเหล่านั้น
ใน OpenCV เราสามารถใช้คำสั่ง cv2.HoughLines() ดังตัวอย่างต่อไปนี้
import cv2 import numpy as np img = cv2.imread("building.jpg") gray = cv2.cvtColor(img,cv2.COLOR_BGR2GRAY) #Appy Gaussian blur to remove some noises inoise = cv2.GaussianBlur(gray,(3,3),sigmaX=0) #Canny lowThresh = 50 upThresh = 200 edge = cv2.Canny(inoise,lowThresh,upThresh) #Hough Line Transform lines = cv2.HoughLines(edge,rho=1,theta=np.pi/180,threshold=120) #rho = resolution of r, here 1 pixel #theta = resolution of theta, here 1 degree #threshold = The minimum number of intersections to detect a line img2 = img.copy() #Plot detected lines for r,theta in lines[0]: #(x0,y0) at the intersection point x0 = r*np.cos(theta) y0 = r*np.sin(theta) #(x1,y1) along the line to the left of (x0,y0) for 1000 units x1 = int(x0-1000*np.sin(theta)) y1 = int(y0+1000*np.cos(theta)) #(x2,y2) along the line to the right of (x0,y0) for 1000 units x2 = int(x0+1000*np.sin(theta)) y2 = int(y0-1000*np.cos(theta)) cv2.line(img2,(x1,y1),(x2,y2),(0,255,0),1) cv2.imshow("Original",img) cv2.imshow("Edge",edge) cv2.imshow("Hough Lines",img2) cv2.waitKey() cv2.destroyAllWindows()
ให้สังเกตลูปในการพลอตเส้นตรง
ปกติเราสามารถกำหนดจุดสองจุดในการพลอตเส้นตรงใดๆ ได้
เช่นจากรูปข้างต้น เราอาจกำหนดจุดในการพลอตคือ
x1 = 0, y1 = r/sin(T)
x2 = r/cos(T), y2 =0
เพื่อเป็นการพลอตเส้นตรงจากขอบรูปไปยังอีกขอบหนึ่ง
แต่ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือ ถ้าเป็นเส้นตรงในแนวนอน (T=0) ค่า y1 จะคำนวณไม่ได้
ดังนั้นในโค้ดของโปรแกรม จึงใช้อีกรูปแบบหนึ่ง ดังรูป
นั่นคือ
x1 = x0 - 1000 sin(T)
y1 = y0 + 1000 cos(T)
x2 = x0 + 1000 sin(T)
y2 = y0 - 1000 cos(T)
โดยที่ค่า 1000 เป็นระยะโดยประมาณครับ สามารถปรับเปลี่ยนได้
ข้อสังเกต
- ความแม่นยำขึ้นอยู่กับวิธีการหาขอบ (edge detection)
- ขอบเส้นตรงที่หาเจอ อาจจะไม่ใช่ขอบที่ถูกต้อง เพราะวิธีการนี้ตรวจสอบแค่ว่ามีพิกเซลที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ในแนวใดๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ขอบเส้นตรงจริงๆ หากมีจำนวนพิกเซลที่เป็นขอบอยู่จำนวนมาก ก็จะถูกกำหนดให้เป็นขอบเส้นตรง ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นต้นไม้พุ่มที่มีใบไม้จำนวนมาก ขอบของใบไม้หลายๆใบที่อยู่ในแนวเดียวกัน อาจจะทำให้ถูกคิดเป็นขอบเส้นตรงได้ ทั้งๆที่ไม่ใช่ เช่น เส้นสีเขียวในรูปด้านล่าง
- การแก้ปัญหาในข้อ 2 อาจทำได้ เช่น กำหนดระยะห่างสูงสุดระหว่างเส้นสองเส้นในแนวเดียวกัน ถ้าระยะห่างนี้น้อยกว่าที่กำหนดก็ให้ถือว่าเส้นทั้งสองเป็นเส้นตรงเส้นเดียวกัน
จาก Code ผมสามารถให้โปรแกรมทำการ detection หลาย ๆ เส้นในเวลาเดี่ยวกันได้มั้ยครับ เพราะตอนนี้สามารถทำได้เเค่เพียงเส้นเดียวครับ
ReplyDeleteได้ครับ
ReplyDelete